รายละเอียดเพิ่มเติม
ผักสลัด บัตเตอร์เฮด
ลักษณะทั่วไป ผักกาดหอมบัตเตอร์เฮดใบมีลักษณะอ่อนนุ่มเป็นมัน เรียงซ้อนกันแน่นคล้ายดอกกุหลาบ และห่อหัวแบบหลวม การปลูกโดยใช้การหยอดเมล็ดพันธุ์ผักสลัดบัตเตอร์เฮดลงในถาดเพาะ
การใช้ประโยชน์และคุณค่าทางอาหาร ผักกาดหอมบัตเตอร์เฮดเป็นพืชที่นิยมบริโภคสด โดยเฉพาะในสลัด รับประทานเป็นเครื่องเคียงน้ำพริกต่างๆ ห่อเมี่ยงคำ เนื้อย่าง และยำต่างๆ หรือนำมาตกแต่งในจานอาหาร ผักกาดหอมมีน้ำเป็นองค์ประกอบ และมีวิตามินซีสูง นอกจากนี้ยังให้ฮีโมโกลบิน (hemoglobin) ช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง บรรเทาอาการท้องผูก เหมาะสำหรับผู้ที่ป่วยเป็นโรคเบาหวาน
ผักกาดหอมบัตเตอร์เฮดเป็นพืชที่ต้องการสภาพอากาศเย็น อุณหภูมิที่เหมาะสมอยู่ระหว่าง 10 – 24 อาศาเซลเซียส ในสภาพอุณหภูมิสูง การเจริญเติบโตทางใบจะลดลง และพืชสร้างสารคล้ายน้ำนม หรือยางมาก เส้นใยสูง เหนียว และมีรสขม ดินที่เหมาะสมต่อการปลูกควรร่วนซุย มีความอุดมสมบูรณ์ และมีอินทรีย์วัตถูสูงหน้าดินลึกและอุ้มน้ำได้ดีปานกลางสภาพความเป็น กรด-ด่างของดินอยู่ระหว่าง 6.0 – 6.5 พื้นที่ปลูกควรโล่ง และได้รับแสงแดดอย่างเต็มที่ เนื่องจากใบมีลักษณะบาง ไม่ทนต่อฝน ดังนั้นในช่วงฤดูฝนควรปลูกใต้โรงเรือน
การปลูกและการปฏิบัติดูแลรักษาระยะต่างๆของการเจริญเติบโต
การเตรียมกล้า เพาะเมล็ดบัตเตอร์เฮดลงในถาดหลุมแบบประณีต ดินเพาะควรมีระบบน้ำดี อายุกล้าประมาณ 3 – 4 อาทิตย์
การปลูก
- ระยะปลูก 30×30 ซม. 3 แถว
- ในฤดูร้อน และ 40 x 40 ซม. 3 แถว
- ในฤดูฝน (เพื่อป้องกันการระบาดของโรค )
ข้อควรระวัง
- อย่าปลูกในหลุมใหญ่หรือลึก เพราะน้ำอาจขังหากการระบายน้ำ ไม่ดี อาจทำให้เน่าเสียหาย
- อย่าเหยียบหลังแปลงเพาะ จะทำให้ดินแน่น พืชเติบโตได้ไม่ดี
- กล้าควรแข็งแรง อายุไม่เกิน 30 วัน เมื่อย้ายปลูก
- ควรใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก ตามคำแนะนำ
- ก่อนใส่ปูนขาวหรือดินโดโลไมค์ต้องวัด pH ก่อนช่วงเตรียมดิน
- หลังย้ายกล้าในฤดูฝนให้ระวังหนอนกระทู้ดำและจิ้งหรีด
การให้น้ำ ควรให้น้ำอย่างสม่ำเสมอและเพียงพอต่อการเจริญเติบโต การให้ไม่ควรมากเกินไป อาจทำให้เกิดโรคโคนเน่า
การเก็บเกี่ยวและการจัดการหลังการเก็บเกี่ยว : [2]
ช่วงเก็บเกี่ยว เก็บเกี่ยวเมื่ออายุ 75 – 90 วัน หลังหยอดเมล็ด หรือผักห่อหัวดีแล้ว